Skip to content

Blog

การสร้างมูลค่าเพิ่ม กลยุทธ์การตลาดและการพัฒนาแบบจําลองธุรกิจของผลิตภัณฑ์ไส้กรอกหน่อไม้หวานแปรรูปของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านไทรงาม จังหวัดปราจีนบุรี

  • by

การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบัน แนวโน้มธุรกิจและการสร้างมูลค่าเพิ่ม2) เพื่อพัฒนากลยุทธ์การตลาด3) เพื่อพัฒนาแบบจําลองธุรกิจของผลิตภัณฑ์ไส้กรอกหน่อไม้หวานแปรรูปของวิสาหกิจชุมชนบ้านไทรงาม จังหวัดปราจีนบุรี เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพผ่านการสัมภาษณ์เชิงลึกจากกลุ่มตัวอย่าง 6 กลุ่ม 22 คน นําข้อมูลที่ได้มาทําการวิเคราะห์เนื้อหาผลการวิจัยพบว่า 1) จุดแข็ง วิสาหกิจมีความเข้มแข็ง มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ผลิตภัณฑ์มีไขมันต่ําและไฟเบอร์สูง จุดอ่อน เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ยังไม่เป็นที่รู้จักและเงินทุนน้อย โอกาส หน่อไม้หวานมีปริมาณที่เพียงพอต่อการผลิตและมีแหล่งผลิตสํารองมากมาย ส่วนอุปสรรค มีคู่แข่งขันธุรกิจเป็นจํานวนมาก 2) การวิเคราะห์แรงกดดัน 5 ประการ พบว่าการแข่งขันภายในอุตสาหกรรมสูง การเข้ามาของคู่แข่งรายใหม่ต่ํา มีสินค้าทดแทนสูง อํานาจการต่อรองของลูกค้าสูง และอํานาจการต่อรองของผู้ขายปัจจัยการผลิตต่ํา3) การสร้างคุณค่าเพิ่ม ประกอบด้วย 4 ด้านคือ ด้านผลิตภัณฑ์ มีไขมัน

สร้างมูลค่าเพิ่มไผ่ด้วยธุรกิจบริการสปาเพื่อสุขภาพ

ผศ.ดร.กัญญาณัฐ เปลวเฟื่อง การพัฒนาพื้นที่เรียนรู้บนฐานระบบนิเวศข้อมูลไผ่บนฐานศักยภาพชุมชน สร้างมูลค่าเพิ่มไผ่ด้วยธุรกิจบริการสปาเพื่อสุขภาพ เพื่อให้นำไปสู่การยกระดับรายได้ของวิสาหกิจชุมชนตำบลดงบังเพื่อสังคม ตำบลดงบัง อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรีการ แนวทางการพัฒนาพื้นที่เรียนรู้จึงเกิดขึ้นเนื่องจากเป็นแนวทางที่จะช่วยในการส่งเสริมให้ความรู้แก่เกษตรในกลุ่มและผู้ที่สนใจ โดยมีกระบวนการทำงานเพื่อวิเคราะห์ความสามารถของศักยภาพชุมชนที่จะสามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตนเอง ผ่านแนวทางหลัก 2 แนวทางหลักในการ 1) แนวคิดพื้นที่แหล่งเรียนรู้ที่เชื่อมโยงกับพื้นที่ชุมชนเครือข่ายบนฐานความร่วมมือ 2) การยกระดับการเรียนรู้การสร้างผู้ประกอบการโอทอป/ธุรกิจชุมชนใหม่ ที่สามารถสร้างกระบวนการขับเคลื่อนรวมถึงการพัฒนาแหล่งเรียนรู้การจัดการไผ่แปลงทดลองในพื้นที่เพื่อให้เกษตรกรได้มีส่วนร่วมในการปฏิบัติและแลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกัน กระบวนการดำเนินการเพื่อสร้างให้เกิดโครงข่ายการทำงานของพื้นที่ด้วยกระบวนการกระบวนการ พัฒนารูปแบบ การเชื่อมโยงร่วมสำหรับผลิตภัณฑ์นวัตกรรมและผลิตสร้างสรรค์บนฐานศักยภาพชุมชน จังหวัดปราจีนบุรี โดยใช้แนวทางการสื่อสารเพื่อการพัฒนาเป็นเครื่องมือในการสร้างความรู้จากชุมชนเอง 5 ขั้นตอน ดังนี้ 1) สร้างความเข้าใจร่วมกรอบฐานความเชื่อมโยงทรัพยากร 2) สร้างความสัมพันธ์แบบปฏิสัมพันธ์ของชุมชนและการสร้างสรรค์ร่วมกับภายนอก 3) กระบวนการพัฒนารูปแบบการเชื่อมโยงร่วมสำหรับผลิตภัณฑ์นวัตกรรมและผลิตสร้างสรรค์บนฐานศักยภาพชุมชน 4) ขับเคลื่อนการสร้างการรับรู้ทั้งชุมชนและภายนอก 5) การสร้างการมีส่วนร่วมด้วยเครื่องมือการสื่อสาร ด้วยพื้นที่เรียนรู้สร้างความเข้าใจแบ่งปันและแลกเปลี่ยนกันของผู้ปลูกผู้ผลิตผู้รวบรวม และผู้ซื้อ ทั่วไป ธุรกิจ ภาครัฐ เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้วยพลังของชุมชน

สร้างเครือข่ายข้ามประเทศ

รองศาสตราจารย์ ดร.วารุณี อริยวิริยะนันท์ หัวหน้าโครงการการเพิ่มศักยภาพในการแข่งข้นทางการตลาดตลอดระบบห่วงโซ่คุณค่าไผ่ประเทศไทยผ่านกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในรูปแบบเครือข่ายผู้ประกอบการธุรกิจไผ่ นำทีมนักวิจัยศึกษาดูงานและสร้างเครือข่าย เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2567 ณ หมู่บ้าน 高桥村 (เกาเฉียวชุน) มณฑลเสฉวน ประเทศจีน ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงเป็นลำดับต้น ๆ ของประเทศจีนในด้านการแปรรูปและหัตถกรรมจักสานไม้ไผ่ มีทั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่และผู้สูงอายุที่รวมตัวกันผลิตงานเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ และงานจักสาน ป้อนอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั่วประเทศจีน รวมถึงส่งออกต่างประเทศ การศึกษาดูงานครั้งนี้ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น นักวิจัยได้รับความรู้และแนวคิดในการผลิตเครื่องมือต่าง ๆ มากมาย อันจะส่งผลให้งานแปรรูปไม้ไผ่ของไทยสามารถพัฒนาขึ้นได้อย่างมากในอนาคตอันใกล้

ไผ่เพื่อการบริโภค

ไผ่เพื่อการบริโภค เป็นไผ่ที่เหมาะกับการปลูกเพื่อตัดหน่อผลิตเป็นอาหาร ทั้งในรูปแบบหน่อสด หน่อดอง หน่อต้ม ไผ่กิมซุ่งหรือไผ่ตงลืมแล้ง เป็นไผ่ที่มีหน่อดก หน่อไม่มีขนเหมือนไผ่ตง และรสชาติดี สามารถปลูกได้ในทุกสภาพพื้นที่ ลักษณะของกอ ลำ และกาบ คล้ายคลึงกันกับไผ่สีสุกมาก เพียงแต่บริเวณโคนกอไม่มีหนามที่กิ่งเท่านั้น ไผ่ตง ไผ่ตงเป็นไผ่ที่มีหน่อรสหวานอร่อย รับประทานสด หรือทำหน่อไม้กระป๋องได้ โดยหน่อจะมีนํ้าหนักประมาณ 1-10 กก. กาบหน่ออ่อนมีขนสีนํ้าตาลดำ ปกคลุมหนาแน่น มีสายพันธุ์ย่อยคือ ไผ่ตงหม้อ ตงดำ ตงเขียวหรือไผ่ตงศรีปราจีน และตงหนู ไผ่ซางหม่น หน่อมีนํ้าหนักเฉลี่ยประมาณ 1.5–2 กิโลกรัม ไผ่อายุ 3 ปี จะให้ หน่อสูงสุดถึง 40 หน่อต่อกอ ไผ่รวก ไผ่รวกเป็นไผ่ขนาดเล็ก หน่อมีรสหวาน ใช้ต้มจิ้มนํ้าพริก ใส่ในแกง… Read More »ไผ่เพื่อการบริโภค

การปลูกและแปรรูปผลิตภัณฑ์จากไผ่และหน่อไม้

โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การปลูกและแปรรูปผลิตภัณฑ์จากไผ่และหน่อไม้ จังหวัดปราจีนบุรี 17 กุมภาพันธ์ 2564 นักวิจัยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ลงพื้นที่โครงการวิจัย การเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางการตลาดตลอดระบบห่วงโซ่คุณค่าไผ่ประเทศไทยผ่านกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในรูปแบบเครือข่ายผู้ประกอบการธุรกิจไผ่ โดยได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจาก หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท) โดยลงพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้การปลูกและแปรรูปผลิตภัณฑ์จากไผ่และหน่อไม้ ระหว่างเครือข่ายเกษตรกร และผู้แปรรูปจากจังหวัดลำปาง กาญจนบุรี และปราจีนบุรี จำนวนกว่า 20 คน ณ จังหวัดปราจีนบุรี

การปลูกไผ่เพื่อการจำหน่ายจังหวัดปราจีนบุรี

คู่มือการปลูกไผ่เป็นส่วนหนึ่งของผลงานการวิจัยจากทุนอุดหนุนการวิจัย จากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ประจำปีงบประมาณ 2563 เรื่อง “การศึกษาเพื่อพัฒนาปริมาณผลผลิตไผ่ต่อไร่ และการจัดการแปลงปลูกเพื่อเพิ่มผลผลิตของเกษตรกรปลูกไผ่ ในจังหวัดปราจีนบุรี” ภายใต้โครงการวิจัยเรื่อง “การสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มตลอดห่วงโซ่คุณค่าของสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) บนฐานทรัพยากรไผ่จังหวัดปราจีนบุรี” by Sukanya Chaipong

ไบโอชาร์

ไบโอชาร์ (Biochar) คืออะไร ไบโอชาร์ (Biochar)  คือ วัสดุที่อุดมด้วยคาร์บอน ผลิตจากการให้ความร้อนมวลชีวภาพ (biomass, วัสดุเหลือใช้จากการเกษตร เช่น เหง้ามันส าปะหลัง ฟางข้าว ซังข้าวโพด กิ่งไม้ เป็นต้น) โดยไม่ใช้ออกซิเจนหรือใช้น้อยมาก เรียกกระบวนการนี้ว่าการแยกสลายด้วยความร้อน (pyrolysis) ซึ่งมีสองวิธีหลักๆคือการแยกสลายอย่างเร็วและอย่างช้า การผลิตไบโอชาร์ด้วยวิธีการแยกสลายอย่างช้าที่อุณหภูมิเฉลี่ย 500 องศาเซลเซียส จะได้ผลผลิตของไบโอชาร์มากกว่า 50% แต่จะใช้เวลาเป็นชั่วโมง ซึ่งต่างจากวิธีการแยกสลายอย่างเร็วที่อุณหภูมิเฉลี่ย 700 องศาเซลเซียส  ซึ่งใช้เวลาเป็นวินาที ผลผลิตที่ได้จะเป็นน้ำมันชีวภาพ (bio-oil) 60%  แก๊สสังเคราะห์ (syngas)  ได้แก่ H2, CO และ CH4  รวมกัน 20% และ ไบโอชาร์ 20%  … Read More »ไบโอชาร์